เชื่อหรือไม่ว่า การดื่มน้ำก็ทำผิวเราเสียได้เหมือนกัน



เราคงได้ยินมาอย่างหนาหูแล้วว่า “น้ำ” มีประโยชน์กับผิวเรา ดื่มน้ำบ่อยๆ ก็จะช่วยให้ผิวเราชุ่มชื้นขึ้น ดูเปล่งปลั่งขึ้นได้ แต่รู้ไหมครับว่า ไม่ว่าจะน้ำที่เราดื่มเข้าไป หรือน้ำที่เราใช้ล้างหน้า หรืออาบน้ำ ถ้ามันมากเกินความพอดี ก็ทำให้ผิวเราระคายเคืองได้ครับ



ว่าแต่น้ำทำร้ายผิวเราได้อย่างไรบ้าง ทำไมน้ำถึงทำให้ผิวเสียได้ มาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันเลยครับ



1. ใช้น้ำล้างหน้านานเกินไป ทำให้เกิดริ้วรอย



ไม่ว่าจะอาบน้ำ หรือแม้แต่ล้างหน้า ก็ไม่ควรนานเกินไปครับ เพราะว่าการที่ผิวสัมผัสน้ำนานเกินไป สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ “ผิวแห้ง” นั่นเอง เพราะปกติแล้วผิวชั้นนอกของเราจะทำหน้าที่กักเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ให้ผิว แต่หากผิวแช่อยู่ในน้ำนานไป ผิวชั้นนอกก็จะค่อยๆ ถูกทำร้าย ทำให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้ไม่ดี และยังดึงความชุ่มชื้นของผิวเราออกไปด้วย ทำให้เกิดปัญหาผิวแห้งตามมา และปัญหาหนึ่งที่อาจส่งผลกระทบตามมาอีกก็คือ เรื่อง “ริ้วรอย” นั่นเองครับ



2. น้ำที่มีความเป็นด่างสูงอาจทำให้ผิวระคายเคือง

อย่างเช่นน้ำบาดาล ที่มีแร่ธาตุเยอะแยะมากมาย ดูเหมือนจะดีต่อผิว แต่จริงๆ แล้ว น้ำประเภทนี้สามารถทำให้ผิวระคายเคืองได้ครับ เพราะเวลาเราถูสบู่ หรือใช้โฟมล้างหน้า เวลาจะล้างออกด้วยน้ำประเภทนี้ เราจะพบว่ามันมักจะล้างออกไม่หมด ทำให้มีสบู่ หรือเนื้อโฟมติดอยู่ที่ผิวหนัง ทำให้เกิดการระคายเคืองได้

นอกจากนี้ น้ำประเภทนี้มีค่า pH หรือความเป็นด่างสูง ทำให้ผิวเราไม่สมดุล ผิวแห้ง หยาบกร้านได้ครับ



3. ใช้น้ำร้อนล้างหน้า ทำให้ผิวขาดน้ำ และระคายเคือง

ใครที่ชอบใช้น้ำร้อนล้างหน้า เพื่อหวังว่าให้มันช่วยเปิดรูขุมขนเนี่ย ต้องเลิกพฤติกรรมนี้ได้แล้วนะครับ เพราะว่าน้ำร้อนไม่สามารถเปิดรูขุมขนได้อย่างที่เชื่อๆ กันมาครับ อีกทั้งยังกระตุ้นให้รูขุมขนกว้าง เห็นชัดขึ้นแบบถาวร แถมการใช้น้ำร้อนจัดล้างหน้า ยังทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ทำให้เกิดปัญหาผิวแห้ง และยังทำให้ผิวระคายเคืองจากความร้อนได้ด้วย ดังนั้น ไม่มีประโยชน์เลยที่จะใช้น้ำร้อนล้างหน้า ขอแนะนำว่า ใช้น้ำอุณหภูมิห้องล้างหน้าเป็นดีที่สุดครับ



4. ดื่มน้ำเกินไปเป็นอันตรายมากกว่าผิวสวย

ก็จริงอยู่ครับว่า การดื่มน้ำช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น แต่ถ้าหากเราดื่มน้ำมากเกินไปอาจทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี เพราะการดื่มน้ำมากเกินไปอาจทำให้ร่างกายเราเข้าสู่สภาวะที่เรียกว่า hyponatremia หรือสภาวะที่โซเดียมในร่างกายลดระดับต่ำลงกว่าปกติ ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตเราได้เลยครับ



แล้วเราควรจะดื่มน้ำเท่าไหร่ดี? โดยทั่วไปแล้วผู้ชายควรดื่มน้ำ 3 ลิตร ส่วนผู้หญิงดื่มประมาณ 2 ลิตร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นปริมาณน้ำที่เหมาะสมกับขึ้นอยู่กับแต่ละคนครับ เพราะแต่ละคนก็มีวิถีการใช้ชีวิตที่ต่างกัน ความต้องการน้ำก็มีปริมาณที่ต่างกันไปด้วย เอาเป็นว่าค่อยๆ จิบตลอดวัน ดื่มเวลาที่หิว ไม่จำเป็นต้องฝืนกินให้ครบ 8 แก้วก็ได้ครับ



น้ำกับผิวเป็นเรื่องคู่กัน ถ้าอยากผิวสวย เราก็มักได้รับคำแนะนำว่าให้ดื่มน้ำเยอะๆ ผิวเราต้องการน้ำ ต้องการความชุ่มชื้น แต่ในอีกมุมหนึ่ง ถ้ามันมากเกินความพอดีก็อาจทำให้ผิวเสียมากกว่าผิวสวยได้ครับ เอาเป็นว่าล้างหน้า ดื่มน้ำกันอย่างพอดีกันดีกว่าครับ



#แอมเซลดูคุณทั้งสุขภาพและความงาม